แม่สาย ทหาร ศุลกากร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังตรวจยึด จยย. ริมน้ำสายจ่อข้ามท่าขี้เหล็ก
เมื่อคืนของวันที่ 5 พ.ค.66 ที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทางด้าน ร.อ. อิสราพล สีชมชื่น ผบ.ร้อย. ม.3 ฉก.ทัพเจ้าตาก ร.ท. นัทธวัฒน์ มหาวงศนันท์ ผบ.มว.ม.2 ร้อย.ม.3 ฉก.ทัพเจ้าตาก นายอรรถพล คงคา ปลัดอำเภองานป้องกันแม่สาย ร.ต.อ.ธนโชติ จันโย รอง สว.สส.สภ.แม่สาย พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนศุลกากรแม่สาย ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้น ร้านก๋วยเตี๋ยวเก่า (ชั้นเดียว) พิกัด NC 914608 ตั้งอยู่บริเวณย่านท้ายตลาดสายลมจอย เลขที่ 923 ม.1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตามที่ได้รายรายงานจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงรถจักรยายยนต์นำส่งไปยังท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา
หลังจากทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในร้านก๋วยเตี๋ยวที่ปิดบริการไปแล้วนั้นพบ รถจักรยานยนต์จำนวน 15 คัน สภาพเป็นรถมือหนึ่งมีกุญแจเสียบคารถ ป้ายทะเบียนต่างจังหวัดทุกคัน ส่วนคนอยู่ในร้านชื่อ นาย พงษ์พันธ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 549 บ.แม่สาย ม.1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ให้การว่าเป็นผู้ดูแลร้านก๋วยเตี๋ยวดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้สอบปากคำนายพงษ์พันธ์ฯ อย่างละเอียด รับสภาพว่า รถที่อยู่ในร้านของตนมีผู้นำมาฝากเพื่อส่งข้ามแดนท่าน้ำเถื่อนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตัวเองจะได้รับค่าจ้างวานคันละ 4,000 – 5,000 บาท ต่อมาได้ตรวจค้นภายในกระเป๋าสะพายของผู้ต้องหาพบ โทรศัพท์ยี่ห้อ Redmi จำนวน 1 เครื่อง และมียาบ้าจำนวน 3 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ จึงได้ตรวจสารเสพติดทางปัสสาวะเบื้องต้นผลพบเป็นผลบวก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี พ.ร.บ. ยาเสพติด สภ.แม่สาย ส่วนคดี พ.ร.บ. ลักลอบนำรถจักรยานยนต์ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะได้ดำเนินคดีและส่งฟ้องศาลตามกระบวนการ ยุติธรรมกันต่อไป…


ย้อนกลับไปเมื่อกลางดึกของวันที่ 2 2 มี.ค.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารเคยบุกเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง และสถานที่จอดฝากรถย่านท้ายตลาดสายลมจอย ที่ตั้งอยู่ห่างจากร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้เพียงประมาณ 20 เมตร และได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์เกือบ 100 คัน แต่ละมีสภาพใหม่และเสียบกุญแจรถคาไว้ รวมทั้งมีการทำเป็นช่องเชื่อมจากตัวบ้านไปยังลำน้ำสายจนถึงขั้นติดตั้งตั้งคานและลูกลอกสำหรับหย่อนรถจักรยานยนต์ลงไปในลำน้ำสาย
บก.เจี๊ยบแม่สายนิวส์ออนไลน์ รายงาน
ศูนย์ข่าวมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ประกอบพิธีวาง
เสาร์ พ.ค. 6 , 2023
ศูนย์ข่าวมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ประกอบพิธีวางพาน […]

You May Like
-
จ มุกดาหาร จาก อ หาดใหญ่ จ สงขลา สคอ สสส จับมือเครือข่าย สร้างทางม้าลายแห่งแรกของเกาะลิบง ร่วมป้องกันอุบัติเหตุทางถนน จ.ตรัง เครือข่ายลดอุบัติเหตุจับมือภาคีลงพื้นที่เกาะลิบง จ.ตรัง – ชู 6 ส. สร้างความปลอดภัยชุมชน พร้อมจัดกิจกรรมทาสีทางม้าลายหน้าโรงเรียนแห่งแรกของเกาะ หนุนเพิ่มความตระหนักขับขี่ปลอดภัย ลดเร็ว ลดเสี่ยงอุบัติเหตุในพื้นที่ ที่ ต.เกาะลิบง อ.กันตรัง จ.ตรัง- สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ภายใต้การสนับสนุนของ สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่ายลงพื้นที่ศึกษาดูงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตรัง จังหวัดตรัง เพื่อเรียนรู้วิธีการทำงานและแนวทางการป้องกันแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนของพื้นที่ ร่วมศึกษาการเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายสู่การเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัย พร้อมระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ผลักดันเป็นมาตรการสร้างความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า สคอ.พร้อมคณะสื่อมวลชนและเครือข่าย ได้แก่ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สถานีโทรทัศน์ ไทย เคเบิล บรอดแคสติ้ง ช่อง 37 HD และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้การทำงานด้านป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรียนรู้รูปแบบการทำงานในวิถีท้องถิ่นของคนบนเกาะที่มีพื้นที่เฉพาะ ศึกษวิธีการทำงานด้านลดอุบัติเหตุในพื้นที่ เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น การท่องเที่ยวปลอดภัย และการเชื่อมโยงคนในชุมชนด้วยผู้นำศาสนาที่กำหนดระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชุมชนทุกมิติ นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนนร่วมกับคนในชุมชน ด้วยการทาสีทางม้าลายบริเวณหน้าโรงเรียนเพื่อลดจุดเสี่ยงเวลาเด็กนักเรียนมาโรงเรียน และทำให้ผู้ขับขี่ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยเมื่อเห็นทางม้าล้ายต้องชะลอความเร็ว ทั้งนี้ได้กำหนดไว้ 2 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านเกาะลิบง ม. 1 บ้านโคกสะท้อน และโรงเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ ม.4 บ้านบาตูปูเต๊ะ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ทั้งนี้การที่ สคอ.และเครือข่ายในพื้นที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันจะทำให้คนในชุมชนได้เกิดการตื่นตัว เห็นความสำคัญของการป้องกันอุบัติเหตุในพื้นที่ตนเองมากขึ้นและที่สำคัญถือเป็นการเริ่มต้นการมีทางม้าลายแห่งแรกของเกาะลิงบงอีกด้วย นายสิทธิพร จิเหลา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลิบง กล่าวว่า ตำบลเกาะลิบงมี 8 หมู่บ้าน ประชากร 7,422 คน 2,272 ครัวเรือน ประกอบอาชีพประมงและกรีดยาง คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ผู้นำศาสนามีบทบาทสำคัญมากในพื้นที่และมีโรงเรียนประถมศึกษา 6 แห่ง โดยเรื่องความปลอดภัยของคนในชุมชน เป็นบทบาทหน้าที่สำคญของท้องถิ่นที่จะต้องเข้าไปดูแล ได้แก่ ด้านถนน ทาง อบต.ได้ให้งบสร้างถนนคอนกรีต 3 สาย ยาวกว่า 20 กิโลเมตร แต่ก็ยังเหลือหมู่บ้านที่เป็นถนนลูกรังเพราะถนนไม่ได้อยู่ในการดูแลของอบต. จึงไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ ด้านอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่ตํารวจรับแจ้งเหตุและตรวจท้องที่ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้านการท่องเที่ยว ได้จัดระเบียบบริเวณท่าเรือ แก้ปัญหาจราจร โดยทำ MOU กับชุมชน ทุกคนที่มีรถและเดินทางมาในบริเวณท่าเรือต้องจอดรถตามจุดที่ให้จอดเท่านั้น ผู้ฝ่าฝืนจะมีการตักเตือน ด้านป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ในพื้นที่เกาะลิบง ยังมีจุดเสี่ยงหลายแห่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไขประมาณ 4-5 จุด เช่น บริเวณหน้าโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่ผู้ขับขี่มักใช้ความเร็วสูงเพราะถนนโล่ง และไม่มีทางม้าลายให้คนข้าม ส่งผลให้เด็กนักเรียนเสี่ยงอันตรายเวลาข้ามถนน ซึ่ง อบต.กำลังเร่งแก้ไขปรับปรุง นายสิทธิพรฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการใช้กฎหมายเข้มกับคนบนเกาะทำได้ยาก ต้องปรับเป็นสร้างจิตสำนึกและรณรงค์ถึงความสำคัญจึงจะทำให้ประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้น ช่วงที่ผ่านมาอุบัติเหตุในพื้นที่มีน้อย เดือนละ 1-2 ครั้ง บางเดือนไม่มีเลย ส่วนใหญ่ที่เกิดเป็นนักท่องเที่ยว เช่ารถจักรยานยนต์ขี่เอง และไม่ชำนาญทางทำให้เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย และกรณีเสียชีวิตเคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยวัยรุ่นในพื้นขับเร็วและไม่ใส่หมวกกันน็อคเกิดเฉี่ยวชนกับคู่กรณีที่ขี่จักรยานยนต์เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ ไม่สนใจทาง จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุชนอย่างแรงทำให้เสียชีวิต 1 ราย หลังจากนั้นก็ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่อีกเลย นางไพรัช วัฒนกุล เครือข่ายองค์กรงดเหล้า จ.ตรัง กล่าวว่า กว่า 10 ปี ที่ตนเองทำงานในพื้นที่คนในชุมชนพบว่า คนเกาะลิบงมีอัธยาศรัยดีเป็นกันเอง พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดเวลา ผู้นำมีความเข้มแข็ง มีการทำงานเชื่อมโยงเครือข่ายในพื้นที่เป็นอย่างดี และเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ทางเครือข่าย สสส. ได้ลงไปเปิดเวทีความคิด นำคนในชุมชนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พาไปศึกษาดูงานแล้วนำสิ่งที่ได้มาปรับใช้ในพื้นที่ตนเอง จนทำให้เกาะลิบงพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปในที่ดีขึ้น สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ของชุมชนเองได้ เกิดความร่วมมือคนในชุมชนที่เข้มแข็ง เชื่อมโยงภาคีได้ดี จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยเกือบทุกด้าน เกาะลิบงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะวันหยุด นอกจากนี้ยังมีแบบโฮมเสตย์ ที่ทางุชมชนควบคุมราคาไม่ให้เอาเปรียบนักท่องเที่ยว มีการทำข้อตกลงร่วมกันในคนชุมชนที่ต้องปฏิบัติร่วมกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจและได้รับบริการที่ดีกลับไป สำหรับข้อแนะนำนักท่องเที่ยวที่จะมาเกาะลิบง จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ห้าม 6 ส.ได้แก่ สุนัข สุกร สายเดี่ยว สุรา ยาเสพติด และนุ่งสั้น หากนักท่องเที่ยงนุ่งสั้นหรือแต่งกายล่อแหลม ก็จะให้แต่งกายให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันอาชญากรรม เกือบทุกหมู่บ้านจะห้ามดื่มและจำหน่วยสุรา ยกเว้นบางพื้นที่ที่เป็นรีสอร์ทเอกชน ปัจจุบันเกาะลิบง ได้มีการพัฒนาและขยายเครือข่ายการทำงาน เช่น การรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย การใส่หมวกกันน็อค ฝึกอาชีพ แปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร และจัดการขยะในพื้นที่ จากความร่วมมือ ร่วมใจของทุกฝ่ายที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ สร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นกับชุมชนทุกมิติ ส่งผลให้ปัจจุบันเกาะลิบงได้กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยที่มีความเข้มแข็ง และยั่งยืนตลอดไป ภาพโดย ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ เรียบเรียง โดย สุดารัตน์. คนไว เหยี่ยวข่าวยอดพระยมรายงาน
@เอกชัย โปธา 05/06/2022
