อุบล ร่วมกับแขวงจำปาสักสปป. ลาว ประชุมร่วมคุมเข้มการลักลอบข้ามแดน ผิดกฎหมาย ที่อุบลฯ
เมื่อเวลา 10:00 น วันนี้ 25 ธ.ค.63 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดการประชุม พบปะ หารือ กรณีฉุกเฉิน ระหว่าง จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับแขวงจำปาสัก สปป.ลาว เพื่อร่วมวาง มาตรการ แก้ไขปัญหาอุปสรรคและขอความร่วมมือแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ ห้องประชุมพรหมราช ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีโดยมี ฝ่ายไทยประกอบด้วย รอง ผวจ. หัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอที่มีชายแดนติดกับ สปป.ลาว ผู้แทนฝ่ายลาว ประกอบด้วย
ท่านมะไลทอง กมมะสิด รองเจ้าแขวงจำปาสัก หัวหน้าแผนกการที่เกี่ยวข้อง เจ้าเมืองที่มีชายแดนติดกับราชอาณาจักรไทย เข้าร่วมประชุมหารือกันในครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อหารือ พบปะ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกำหนดมาตรการ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีและแขวงจำปาสัก ซึ่งเป็น เมืองชายแดนไทย -ลาว เพื่อ ตอบสนองการแก้ไขปัญหาวิกฤต covid-19 ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดย มติที่ประชุม ได้หารือร่วมกันวางมาตรการแก้ไขขอความร่วมมือในการช่วยเหลือกันและกัน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย เพื่อลดข้อจำกัดในความร่วมมือระหว่างกันได้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างแท้จริง
ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตรงกันว่าการลักลอบเข้าเมืองจะส่งผลต่อการระบาด ของโรค covid-19 ระหว่างทั้งสองประเทศ จึงเห็นชอบต่อข้อเสนอในการยกระดับความร่วมมือดังนี้ 1. เห็นชอบให้หน่วยงานของแต่ละฝ่ายทำการกวดขันเฝ้าระวังเข้มงวดการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการกระทำที่ผิดกฎหมายอื่นอย่างเคร่งครัด 2. ให้แต่ละฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ตามมาตรการของแต่ละฝ่ายให้ถือปฏิบัติและคอยสอดส่องดูแลแจ้งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ 3 เห็นชอบให้แต่ละฝ่ายดำเนินคดีกับนายหน้าที่นำแรงงาน ของ สปป.ลาว เข้าในราชอาณาจักรไทย ตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดทั้งนายหน้าที่เป็นคนไทยและคนลาว 4.เห็นชอบร่วมกันให้ส่งตัว ผู้กระทำผิดหลบหนีเข้าเมือง เมื่อใด้ดำเนินคดีแล้วเสร็จ ผ่านช่องทางด่านสากล ช่องเม็ก-วังเต่า โดยให้แจ้งข้อมูลให้อีกฝ่ายทราบด้วย 5.เห็นชอบให้นายอำเภอและเจ้าเมือง ที่มีชายแดนอยู่ติดกันได้ประสานการทำงานร่วมกัน อย่างใกล้ชิดในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน 6. เห็นชอบให้นายอำเภอสิรินธรและเจ้าเมืองโพนทองได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ในพื้นที่ตามแนวชายแดนที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดน งดเว้นการเพาะปลูกพืชทุกชนิดและดำเนินการ ครอบครองพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวจนกว่าจะมีการปักปันเขตแดนแล้วเสร็จทั้งนี้ นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เป็นเป้าหมายสำคัญของแขวงจำปาสัก สปป.ลาว และจังหวัดอุบลราชธานี เกิดความสงบเรียบร้อยตามเจตนารมณ์ของทั้งสองประเทศและเป็นการคุมเข้ม covid-19 ด้วย
ทีมข่าวภูธร ออนไลน์ รายงาน